เนตรน้อย ศ.วรสิงห์ นักมวยของไทย และเป็นแชมป์โลกมวยสากลคนที่ 6 ของประเทศไทย

เนตรน้อย ศ.วรสิงห์

เนตรน้อย ศ.วรสิงห์ นักมวยไทย นักชกจากโคราชที่มีชีวิตแสนอาภัพ จนได้เป็นแชมป์โลกชาวไทยรุ่นไลท์ฟลายเวท WBC 

เนตรน้อย ศ.วรสิงห์ เนตรน้อย เขามีชื่อจริงว่า “เนตร ลาดนอก” มีฉายาว่า “เสือเตี้ย” เกิดเมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2502 ที่อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา และต่อมาครอบครัวได้ย้ายไปอยู่ที่อำเภอพังโคน จังหวัดสกลนคร ตั้งแต่เนตรน้อยยังเด็ก หลังจากนั้นเนตรน้อย ได้จบการศึกษาเพียงแค่ชั้น ป.4 เนื่องจากครอบครัวยากจนมาก ได้ฝึกมวยไทยครั้งแรกกับ ปราบไพรี เทอดเกียรติพิทักษ์ ซึ่งเป็นเทรนเนอร์ของ เนตร ศักดิ์ณรงค์

นักมวยไทยมีชื่อของยุคนั้น ต่อมาทางเนตรน้อย ได้ย้ายมาอยู่กับ “โกฮง” พงษ์ ถาวรวิวัฒน์บุตร ที่กรุงเทพมหานคร และได้ใช้ชื่อว่า “เนตรน้อย ศักดิ์ณรงค์” เนตรน้อย ชกมวยไทย มาอย่างลุ่มๆดอนๆ และครั้งสุดท้ายเขาก็ แพ้น็อกคู่ต่อสู้อย่างยับเยิน จึงหนีกลับบ้าน หลายเดือนต่อมา มีผู้ชักชวนให้กลับมา

ชกมวยใหม่ โดยย้ายไปอยู่กับค่าย “ศ.วรสิงห์” ของ ธรรมนูญ วรสิงห์ และหันชกใหม่ในแบบ มวยสากล ซึ่งการชกในแบบมวยสากลนี้ เนตรน้อยสามารถทำได้ดีทีเดียว มีหมัดที่หนัก ที่โดยเฉพาะหมัดซ้าย และในปี พ.ศ. 2518 เนตรน้อยสามารถชกชนะรวดทั้ง 7 ครั้ง มีแพ้อยู่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น

“เศียรสมิง” คอลัมนิสต์มวยชื่อดังในสมัยนั้น จึงแนะนำให้เนตรน้อย เปลี่ยนเทรนเนอร์ใหม่เป็น ออมทรัพย์ แหลมฟ้าผ่า เนตรน้อยกลับมาชนะติดกัน 2 ครั้ง และได้โอกาสชิงแชมป์ รุ่นจูเนียร์ฟลายเวท ของเวทีมวยราชดำเนิน แต่ปรากฏว่าแพ้น็อกเพียงแค่ยก 2 เท่านั้น และทางฝ่ายผู้จัดการ ธรรมนูญ วรสิงห์

จึงได้เปลี่ยนเทรนเนอร์เป็น สุดใจ สัพพะเลข โดยไปฝึกซ้อมอยู่ที่ใต้ถุนยิมเนเซี่ยม 1 สนามกีฬาแห่งชาติ เนตรน้อยจึงมีฝีมือดีขึ้นเรื่อยๆ การชกก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ จนกระทั่งได้มีโอกาส ขึ้นชิงแชมป์ภาคตะวันออกไกลและแปซิฟิก (OPBF) กับ ชาง อิล ชุง นักมวยชาวเกาหลีใต้ ถึงถิ่นของแชมป์เอง

“เนตรน้อย ศ.วรสิงห์” ชกได้ดี แต่เมื่อครบ 12 ยก กรรมการตัดสินให้เสมอกัน ไปอย่างค้านสายตา แต่เมื่อกลับมา เนตรน้อยได้ครองแชมป์ของ เวทีราชดำเนิน โดยชนะคู่ปรับเก่า และได้แชมป์รุ่นเดียวกัน ของสนามมวยเวทีลุมพินีด้วย ต่อมาชนะน็อกยก 9 มนต์สยาม ฮ.มหาชัย นักมวยที่มีคิวชิงแชมป์โลกจึงทำให้ เนตรน้อย ศ.วรสิงห์ จึงได้มีชื่อติดอันดับโลกเป็นครั้งแรก

เนตรน้อย ศ.วรสิงห์

เส้นทางชีวิตของ เนตรน้อย ศ.วรสิงห์ กว่าจะผงาดขึ้นสู่บัลลังก์แชมป์เปี้ยนโลก

เนตรน้อย เป็นคนอำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ในช่วงวัยหนุ่มเขา ได้เริ่มต้นหากินด้วยการ ชกมวยไทย แต่เนื่องจากเป็นคนตัวเล็ก จึงค่อนข้างเสียเปรียบคู่ชกมากพอสมควร แต่พอย้ายไปอยู่ในการดูแลของ ธรรมนูญ วรสิงห์ จึงปรับสไตล์มา ชกมวยสากล และเส้นทางกว่าที่จะมา เป็นแชมป์โลกนั้น

มันไม่ง่ายเลย เนตรน้อย เริ่มไต่เต้าจากการ ทำฟอร์มชกในประเทศ จนได้ชิงแชมป์ มวยสากลอาชีพ เวทีราชดำเนิน, ชิงแชมป์ OPBF และชิงแชมป์โลกกับ หลุยส์ เอสตาบ้า แต่เจ้าตัวกลับ ไม่เคยสมหวังเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่หลังจากที่แพ้ หลุยส์ เอสตาบ้า แบบค้านสายตา “เนตรน้อย” กลับมาทำฟอร์มต่อ

ชกอุ่นเครื่องและสามารถ เอาชนะได้อย่างต่อเนื่อง จึงได้รับการผลักดันให้ชิงแชมป์โลก รุ่นไลท์ฟลายเวต WBC กับ เฟรดี้ คาสตินโญ เจ้าของตำแหน่ง ซึ่งเนตรน้อยก็ทำได้สำเร็จ จนมากลายเป็น แชมป์โลกชาวไทย ที่อายุน้อยสุด ด้วยวัยเพียง 19 ปี อันเป็นสถิติที่ ยังไม่มีใครทำลายได้ จวบมาจนทุกวันนี้

แต่ช่วงเวลาที่ได้ เก็บเกี่ยวเงินทอง จากการเป็นแชมป์โลกของ เนตรน้อย ช่างแสนสั้นเหลือเกิน แถมยังถูกผู้จัดการร่วม มาแบ่งค่าตัวไปด้วยอีก โดย เนตรน้อย สามารถป้องกันตำแหน่งได้เพียง 1 ครั้ง ก็ไปเสียแชมป์ที่เกาหลีใต้ จากนั้น เนตรน้อย พยายามถึง 3 ปี กว่าจะมีโอกาสได้ชก

ชิงแชมป์เข็มขัดแชมป์โลก WBC อีกครั้ง คราวนี้จัดที่บ้านเกิด จังหวัดนครราชสมีมา เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2524 แต่เป็นที่น่าเสียดาย เนตรน้อย ไปไม่ถึงฝั่งฝัน แพ้ TKO ยก 10 ต่อ อิลาริโอ ซาปาตา แต่ถึงแม้พลาดโอกาส เป็นแชมป์โลก แต่ เนตรน้อย ก็ยังเป็นนักมวยที่เนื้อหอม เพราะโปรโมเตอร์ชาวไทย ต่างอยากทาบทาม ให้เขาไปเป็นคู่ชก อุ่นเครื่องอีกด้วย

แชมป์โลกคนที่ 6 ของประเทศไทย เนตรน้อย กับไฟต์สุดท้ายของเขา 

เนตรน้อย ศ.วรสิงห์

สำหรับเนตรน้อยเอง เขายังเป็นนักมวย ที่มีรูปร่างเล็ก และมีส่วนสูงเพียง 149.8 เซนติเมตรเท่านั้น อีกทั้งเมื่อได้เป็นแชมป์โลก ยังได้สร้างสถิติ เป็นนักมวยที่ครองแชมป์โลก ด้วยอายุน้อยที่สุดในเวลานั้น ก็คือ 19 ปี เนตรน้อย เป็นนักมวยที่มีปัญหา ในเรื่องสัญญาค่าตัวเสมอ และผู้จัดการ ธรรมนูญ วรสิงห์

ก็ไม่สามารถรักษาผลประโยชน์ อะไรของนักมวยได้ และการชกมวย ครั้งสุดท้ายของเนตรน้อย เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2525 ที่ขึ้นชกกับ สามารถ พยัคฆ์อรุณ ที่หันมาชกมวยสากลเป็นครั้งแรก เนตรน้อยในวันชกครั้งนั้น เขาปล่อยร่างกายให้อ้วนท้วน พุงหลาม แต่เขายังชกได้สมราคา

ที่เคยเป็นแชมป์โลก สำหรับผลการชก สามารถ เอาชนะคะแนนไปได้ แต่เมื่อรวมคะแนนกันแล้ว ปรากฏว่าสามารถ เป็นฝ่ายเอาชนะคะแนนไป ท่ามกลางเสียงโห่ฮา ของแฟนมวยที่ ไม่พอใจกับคำตัดสิน

หลังจากนั้นไม่นาน วงการมวยสากลไทย ต้องสูญเสีย “เนตรน้อย” แชมป์โลกไปด้วยวัยเพียง 23 ปี

และใน 4 เดือนต่อมาหลังการชกกับ สามารถ พยัคฆ์อรุณ วงการมวยสากลไทย ก็ต้องสูญเสีย “เนตรน้อย” แชมป์โลกไปในวัยเพียง 23 ปี จากอุบัติเหตุขับมอเตอร์ไซด์ ชนเสาไฟฟ้า ที่อำเภอพังโคน จังหวัดสกลนคร ว่ากันว่าเขาจากโลกนี้ไป ในขณะที่แทบไม่เหลือ ทรัพย์สินอะไรติดตัวเลย

จนญาติพี่น้องของเขาแทบที่จะไม่มีเงินทำค่าฌาปนกิจ และนี่เองก็เป็นเรื่องราว ของแชมป์โลกผู้แสนอาภัพ “เนตรน้อย ส.วรสิงห์” ที่ถึงแม้ว่าเขาจะจากโลกนี้ไป  แต่คุณงามความดี ที่เขาเคยฝากไว้ ในการสร้างความสำเร็จ ใหเแก่ประเทศชาติ จะคงอยู่ในใจแฟนหมัดมวยตลอดไป

ข่าวสารมวยดีๆจาก : โหลดเกมส์ UFABET