Dave Bautista “The Animal” เจ้าของตำแหน่งแชมป์โลกมวยปล้ำหกสมัย สู่การเป็นนักแสดง
Dave Bautista เดวิด ไมเคิล บอทิสตา จูเนียร์ (David Michael Bautista Jr.) เขาเกิดเมื่อวันที่ 18 มกราคม 1969 ในวอชิงตันดีซี ในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์นัก คุณแม่ของเขาเป็นช่างทำผม ในขณะที่คุณพ่อ เกิดในตระกูลผู้อพยพ จากประเทศฟิลิปปินส์ และทำงานหาเช้ากินค่ำ เพื่อสร้างรายได้ให้กับครอบครัว ก่อนที่ทั้งคู่จะหย่าร้างกันไปตั้งแต่ที่เขายังเด็ก เขามีวัยเด็กที่ไม่ค่อยจะดีนัก ที่พ่อแม่ของเขาหย่ากัน เมื่อเขายังไม่เติบโต มันส่งผลกระทบต่อเขา
และทำให้เขาใช้ชีวิตแบบอาชญากรรม ทุกตรอกซอกซอย เต็มไปด้วยโคเคน และเฮโรอีน ที่สำคัญที่สุดคือการ ฆาตกรรมอยู่ใกล้เพียงปลายจมูก เมื่อเขาอายุ 9 ขวบ เขาจำได้ว่าตัวเอง ตื่นเช้ามาและกำลังจะ เปิดประตูบ้านออกไปเล่นข้างนอก แต่ว่าไม่สามารถดันประตูได้ เพราะมีศพของผู้ชาย 3 คน
นอนตายอยู่ที่บ้านของเขา เขาเห็นความตาย มาตั้งแต่ตอนนั้น และมันยิ่งมากเข้าไปอีก เพราะอีกไม่กี่วันต่อมา มีชายคนหนึ่งถูกยิง และโซซัดโซเซเดินมา ที่หน้าบ้านของเขาอีกครั้ง แม่ของ เดฟ พยายามร้องขอความช่วยเหลือ แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่ ก็มาช้าไป เขาได้เห็นความตายอีกครั้ง
และหนนี้เห็นจะๆกับตาตัวเอง เมื่อเรื่องดังกล่าวผ่านไป แม่ของเขาตัดสินใจพาลูกๆ ย้ายออกจากย่านเสื่อมโทรมใน ดีซี สู่เมืองแห่งความหวังอย่าง ซาน ฟรานซิสโก และห่างไกลอาชญากรรมมากกว่าเดิม แต่ตัวของเขากลับเป็น คนก่ออาชญากรรมเสียเอง ความลำบากในวัยเด็ก ทำให้เขาทะเยอทะยาน
อยากได้และอยากมี แม้ว่าสิ่งนั้นจะไม่ถูกกฎหมายก็ตาม “ผมคือเด็กที่ชอบย่องออกจากบ้าน ในเวลากลางคืน ผมมีรุ่นพี่เป็นพวกนักเลง เราขโมยทุกอย่างที่ขวางหน้า ตำรวจหิ้วคอผมกลับบ้านประจำ นั่นคือสิ่งที่แม่ของผมต้องเจ็บปวด เรามีเพื่อนเยอะ และชอบไปเที่ยวบ้านเพื่อน
แต่พอไปบ้านเขาแล้ว เราก็ขโมยของของเขาออกมา ฟังดูเลวใช่ไหม นั่นคือวัยเด็กของผมเลย เราขโมยแม้กระทั่งชุดคลุมอาบน้ำ ผมรู้ว่ามันฟังดูแปลกๆ แต่เราทำไปเพราะเราไม่มีเงินซื้อมัน” บาติสต้า กล่าว
วันที่เปลี่ยนเส้นทางของ Dave Bautista ไปตลอดกาล สู่การเป็นนักมวยปล้ำ
“เดฟ บอทิสตา” ใช้ชีวิตแบบอันธพาลอยู่นาน แต่สุดท้ายแล้วก็คิดได้ว่า ควรเลือกเดินฝั่งที่ดี สำหรับชีวิตที่เหลืออยู่และ มวยปล้ำ คืออาชีพเดียวที่ เหมาะกับตัวของเขา เขาเริ่มด้วยการ สมัครฝึกมวยปล้ำที่ เพาเวอร์ แพลนท์ ของสมาคม WCW แต่ก็ล้มเหลวเพราะ โดนปฎิเสธการเซ็นสัญญา
ในขณะที่ต้องรับหน้าที่ การ์ดของไนท์คลับ เดฟยังไม่ยอมแพ้ด้วยการ สมัครเรียนมวยปล้ำอีกครั้งที่ ไวลด์ ซามัวส์ เทรนนิ่ง ใน เพนซิลเวเนีย ในช่วงปี 1999 เขาทำไปพร้อมๆกับการเพาะกาย ที่ทำให้ร่างกายของเขา แข็งแกร่งเหมาะกับ งานที่จะทำ เขาใช้เวลาเรียนมวยปล้ำ 1 ปี ก่อนจะได้เซ็นสัญญากับ WWE
ในฐานะนักมวยปล้ำฝึกหัด และถูก WWE ส่งไปเรียนวิชาเพิ่มเติมที่ OVW และใช้ชื่อในวงการว่า “เลอเวียธาน” นั่นคือช่วงที่เขาได้รับ ความชื่นชมจากทาง WWE เป็นอย่างมาก เพราะกลายเป็น นักมวยปล้ำ ที่มีพัฒนาการรวดเร็ว และสุดท้ายเขาได้ ออนแอร์ครั้งแรกในปี 2002 โดยใช้ชื่อ “เดียคอน บาติสต้า”
โดยช่วงเวลาแห่ง ความทรงจำในตอนนั้น เขายังเป็นตัวรองจาก ดี วอน สมาชิกของกลุ่ม ดั๊ดลี่ย์ บอยส์ อยู่ซึ่งมวยปล้ำได้ ให้อะไรกับบาติสต้าหลายอย่างมากๆ นอกจากมันจะทำให้เขามีรายได้แล้ว โรคดิสเล็กเซียที่ทำให้เขาเป็นคน กลัวการพูดในที่สาธารณะนั้น หมดเกลี้ยงไปเลย การได้ฝึกใช้ไมโครโฟน
และฝึกทำหน้าที่ เอนเตอร์เทนเนอร์ คอยพูดเสริมบรรยากาศ ในเวทีให้ดุเดือด ทำให้เขามีทักษะ ในการพูดและแสดงออก ที่ดีขึ้นจนเริ่มกลายเป็น ส่วนผสมที่ลงตัว ระหว่างร่างกายและ สกิลฝีปากนั่นเองจึงเป็น เหตุผลที่ทำให้ WWE เล็งที่จะปั้นเขากลายเป็น สตาร์ของวงการ ด้วยการส่งไปอยู่กับกลุ่มที่ชื่อว่า Evolution ที่เต็มไปด้วยนักปล้ำหัวแถวอย่าง ทริปเปิล เอช, ริค แฟร์ และ แรนดี้ ออร์ตัน
จากนักมวยปล้ำชื่อดัง ตำนานมวยปล้ำ WWE ไปสู่ระดับนักสแดงฮอลลีวู้ด
สำหรับบทจอมโหดของ บาติสต้า ทำให้เขาได้เดินตามรอยรุ่นพี่อย่าง เดอะ ร็อค และ จอห์น ซีน่า เพราะงานการแสดง เริ่มมีให้เห็นมากขึ้น เริ่มจากเรื่อง Relative Strangers ในปี 2006 ก่อนที่เขาจะได้ เล่นหนังฟอร์มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ อย่าง The Scorpion King 3: Battle for Redemption
และ Riddick ในปี 2013 จนอีก 1 ปีหลังจากนั้นก็กลายเป็น หนังฟอร์มยักษ์ ที่สำคัญที่สุดอย่าง Guardians of the Galaxy ด้วยการรับบท Drax ช่วงที่เขาได้รับการ ทาบทามในบทบาทดังกล่าวนั้น บาติสต้า เอาจริงเอาจังกับงานแสดง เป็นอย่างมากเขา พัฒนาตัวเองเรื่องรูปร่าง แม้เขาจะเป็นคนที่
เล่นกล้ามและรักษา ร่างกายอยู่แล้วแต่ สำหรับบท Drax the Destroyer เขาต้องการกล้ามเนื้อ แบบฮีโร่ไม่ใช่กล้ามเนื้อ แบบนักกล้ามหรือ คนตัวใหญ่ทั่วไป เขามีบทบาททั้งใน James Bond, Blade Runner 2049, Escape Plan 2: Hades, Final Score และ Avengers: Endgame ซึ่งดูดีไม่น้อยเลย สำหรับชายคนหนึ่ง ที่ไม่เคยเรียนการแสดงเลย แม้แต่ครั้งเดียว
ผลงานการแสดงของ “Dave Bautista”
- Guardians of the Galaxy Vol. 3 (2023)
- Thor: Love and Thunder (2022)
- Dune (2021)
- My Spy (2020)
- Stuber (2019)
- Avengers: Endgame (2019)
- Master Z: Ip Man Legacy (2018)
- Final Score (2018)
- Escape Plan 2: Hades (2018)
- Hotel Artemis (2018)
- Avengers: Infinity War (2018)
- Blade Runner 2049 (2017)
- Bushwick (2017)
- Guardians of the Galaxy Vol. 2 (2017)
- The Warrior’s Gate (2016)
- Spectre (2015)
- Guardians of the Galaxy (2014)
- Riddick 3 (2013)
ข่าวสารน่าสนใจเพิ่มเติม : Hurt Like Hell อนิเมะ แทงบอลออนไลน์