4 ฮีโร่นักมวยเหรียญทอง นักมวยไทย ที่เคยสร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญทอง ในกีฬาโอลิมปิก สร้างรอยยิ้มให้คนไทยทั้งประเทศ
4 ฮีโร่นักมวยเหรียญทอง เราเชื่อเลยว่าทุกๆคน คงที่จะจำบรรยากาศ ตอนที่เราส่งเสียงเชียร์ นักกีฬามวยทีมชาติไทย ที่ได้ขึ้นชกชิงเหรียญทอง ในการแข่งขัน โอลิมปิกเกมส์ ได้อย่างแน่นอน เพราะถือว่าเป็นมหกรรมกีฬา ที่สุดแสนจะยิ่งใหญ่ ที่นักกีฬาเองจะต้องทุ่มเท ฝึกฝนอย่างหนัก มวยสากลอาชีพ
กว่าที่จะคว้าเหรียญรางวัล ติดไม้ติดมือกลับมาได้ จึงไม่แปลกเลย ที่เหล่าทัพนักกีฬา ที่ได้ขึ้นรับเหรียญ จะกลายเป็นขวัญใจ ของคนไทยทั้งประเทศ สำหรับทีมชาติไทย เรานั้นก็ได้เข้าร่วม กีฬาโอลิมปิกครั้งแรกในปี 1952 และส่งนักกีฬา เข้าแข่งขันอย่างต่อเนื่อง แต่คว้าเหรียญรางวัล มาได้ไม่มากนัก
แต่กว่าที่จะคว้า เหรียญทองแรกใน ประวัติศาสตร์ให้ ชาวไทยได้ต้อง ใช้เวลาถึง 16 ปี จากการแข่งขัน มวยสากลสมัครเล่น ซึ่งเป็นกีฬาที่ เชียร์สนุกและ มีลุ้นมากที่สุดในสมัยก่อน ตอนประกาศผลนี่ หลายๆคนจะต้อง ตะโกนเชียร์กันลั่นบ้าน อย่างแน่นอนวันนี้ เราจึงเลยจะพาทุกท่าน ไปย้อนดูว่า เคยมีนักมวยคนไหนบ้าง ที่ได้ยืนบนแท่นผู้ชนะ ในมหกรรมกีฬาห้าห่วง และนี่คือ 4 ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก ที่วงการมวยประเทศไทย จะต้องจารึกไว้
4 ฮีโร่นักมวยเหรียญทอง “นาวาตรี สมรักษ์ คำสิงห์” นักมวยไทยคนแรกที่คว้าเหรียญทอง
สำหรับ สมรักษ์ คำสิงห์ นักชกอารมณ์ดี สนุกสนานเฮฮา และมีวลีเด็ดคือ “ไม่ได้โม้” จนได้รับฉายาว่า “โม้อมตะ” เขาเป็น นักกีฬาทีมชาติไทย คนแรกที่ได้รับรางวัลเหรียญทอง จากการแข่งขัน มวยสากลสมัครเล่น ในกีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ 26 ที่เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งก็เป็นนักกีฬาไทย
คนแรกที่ได้สร้าง ประวัติศาสตร์คว้าเหรียญทอง จากการแข่งขันมวย สากลสมัครเล่น ในกีฬาโอลิมปิก เมื่อปี 1996 จนกลายมาเป็น ขวัญใจคนไทยทั้งประเทศ และสำหรับเส้นทาง นักมวยของ สมรักษ์ คำสิงห์ ก็ได้เริ่มต้นฝึกซ้อม มาตั้งแต่สมัยเด็ก เนื่องจากคุณพ่อนั้น เป็นนักมวยเก่า ก่อนเขาจะได้
ขึ้นสังเวียนตอนอายุ 7 ขวบ จากนั้นก็เดินสายชกทั้ง มวยไทย และ มวยสากลสมัครเล่น จนเริ่มมีชื่อเสียง และได้รับค่าตัวถึง หลักแสนบาทต่อไฟต์ และยังได้รับโอกาส ให้ติดทีมชาติ สร้างชื่อเสียงให้กับ ประเทศอย่างที่ ทุกคนรู้กันนั่นเอง และภายหลังจากที่เขานั้น ได้เหรียญทองโอลิมปิก สมรักษ์
ก็กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ เขาได้รับรางวัล และการเชิดชูเกียรติ จากหลายสถาบัน สมรักษ์ยังได้เลื่อนยศจาก จ่าเอก เป็น เรือตรี และด้วยบุคคลิกเฮฮา มีสีสัน น่าสนใจ งานในวงการบันเทิง จึงติดต่อเข้ามาหาเขา อย่างไม่ขาดสายเลยทีเดียว
“พันตรี สมจิตร จงจอหอ” นักชกที่เป็นขวัญใจของคนไทยทั้งประเทศ
กว่าที่เขาจะขึ้นแท่น มาเป็นนักชกขวัญใจ ของคนไทยทั้งประเทศ “สมจิตร จงจอหอ” ก็เจ็บมาเยอะ และผ่านมาเยอะเหมือนกัน ซึ่งเขาเองเคยเป็น นักมวยไทย อยู่นานก่อนที่จะผันตัว ขึ้นชกมวยสากลสมัครเล่น และถูกคาดหวัง ว่าจะเป็นตัวเต็ง ในการชิงเหรียญทองโอลิมปิก ในปี 2004 และ เอเชียนเกมส์ 2006
แต่ก็พลาดทั้ง 2 รายการ จนเกิดอาการ ท้อแท้เกือบที่จะ ประกาศแขวนนวม แต่สุดท้ายก็กลับมา พยายามฝึกซ้อม อย่างหนักอีกครั้ง แล้วก็สามารถ พิชิตเหรียญทอง ในศึก โอลิมปิก 2008 มาได้สำเร็จ และผลงานที่โดดเด่นของเขา ก็มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เหรียญทองซีเกมส์ 1999, 2001, 2003 และ 2007, เหรียญทอง เอเชียนเกมส์ 2002, มวยสากลเวิลด์แชมเปี้ยนชิพ 2003 และเหรียญทอง โอลิมปิก 2008 นั่นเอง
“พันตำรวจโท วิจารณ์ พลฤทธิ์” นักมวยผู้คว้าเหรียญทองได้เป็นคนที่ 2 ของไทย
จากที่เป็นนักกีฬามวย นอกสายตามาสู่ การผงาดเป็นฮีโร่ คว้าเหรียญทองโอลิมปิก ได้เป็นคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ไทย โดย วิจารณ์ พลฤทธิ์ ได้เริ่มฝึกซ้อมมวยไทย มาตั้งแต่อายุได้ 10 ขวบ และขึ้นชกมาตลอด จนได้รับโอกาสเข้าร่วม ศึกอัศวินดำ บนเวทีใหญ่ราชดำเนิน ก่อนที่จะถูกทาบทาม
ให้เข้าวงการ มวยสากลสมัครเล่น เนื่องจากนักชกทีมชาติ คนเก่าขอแขวนนวมไป และเขาก็ขึ้นชกอยู่นาน 2 ปี กว่าจะซิวแชมป์แรก มาครองได้สำเร็จ ในศึกกีฬาซีเกมส์ 1999 ปีต่อมาก็ถูกเรียก ติดทีมชาติไปลุย โอลิมปิก ที่ประเทศออสเตรเลีย ในขณะที่นักมวยคนอื่นๆ ก็พากันตกรอบไปหมด แต่ อิกคิวซัง ที่ประสบการณ์น้อยที่สุด กลับทำผลงานได้ดี จนผ่านทะลุเข้ามา รอบชิงชนะเลิศ และกำชัยชนะ สร้างรอยยิ้มให้คนไทย ทั้งประเทศได้สำเร็จ
“มนัส บุญจำนงค์” นักมวยอัจฉริยะ มีชั้นเชิงที่ไม่ธรรมดาที่คนไทยต่างก็เทใจให้
สำหรับยอดนักมวย “มนัส บุญจำนงค์” นักมวยอัจฉริยะที่คนไทย ทุกคนต่างก็ได้เทใจให้ หลังครั้งหนึ่งเขาได้ โชว์ชั้นเชิงสุดแกร่ง สามารถคว้าเหรียญทอง มวยสากลสมัครเล่น ในโอลิมปิกในปี 2004 ก่อนกลับมาสอย เหรียญเงินได้อีกครั้งในปี 2008 กลายเป็นนักกีฬาไทย คนแรกในประวัติศาสตร์
ที่ได้เหรียญจากการ แข่งขันโอลิมปิกได้ถึง 2 สมัยติดต่อกัน เส้นทางกำปั้นของ มนัส เริ่มขึ้นชกตั้งแต่อายุ 9 ขวบ และหมั่นฝึกซ้อม อยู่เป็นประจำจน ติดทีมชาติในปี 1997 และยังเป็นหนึ่งในขุนพล นักชกไทยที่ได้ไป โอลิมปิก 2004 ซึ่งหลังสร้างความสุข ให้กับแฟนมวยชาวไทย มนัส เกือบตัดสินใจแขวนนวม
เพราะใช้ชีวิตเพลย์บอย จนเงินรางวัลกว่า 20 ล้านหมดไปในพริบตา และปล่อยเนื้อปล่อยตัว จนน้ำหนักเกิน พิกัดไปมากกว่า 10 กิโลกรัม ก่อนกลับตัวกลับใจ หวนเข้าวงการอีกครั้ง และแน่นอนว่า เขาก็สามารถ ประสบความสำเร็จได้ในที่สุด
ข่าวมวยดีๆจาก: หนังออนไลน์ แทงบอลออนไลน์