แสตมป์ แฟร์เท็กซ์ นักมวยหญิงฝีมือดี มีลีลาการชกสุดมันส์ และเธอยังสร้างชื่อเสียงให้แฟนกีฬาทั่วโลกได้รู้จัก
แสตมป์ แฟร์เท็กซ์ แสตมป์ มีชื่อจริงว่า ณัฐวรรณ พานทอง เธอผูกพันกับ มวยไทย มาตั้งแต่เด็กๆ โดยเธอมีพ่อเป็นอดีตนักมวย ชื่อว่า “วิสันต์เล็ก ลูกบางปลาสร้อย” ผู้เป็นครูมวยคนแรก ให้กับเธอ ตั้งแต่วัยเพียง 5 ขวบ ด้วยแรงกดดัน จากการที่เธอนั้น ถูกกลั่นแกล้งภายในโรงเรียน สมัยที่อยู่ชั้นอนุบาล 3 จึงทำให้เป็นจุดเริ่มต้นให้ แสตมป์ สนใจฝึกมวยไทย ตามรอยของพ่อ และพี่ชายลูกพี่ลูกน้อง เพื่อไว้ใช้ป้องกันตัว แต่หลังจากนั้น เพียงแค่หนึ่งปี
แสตมป์ ก็ใช้วิชามวยไทย เดินตามรอยของพ่อ บนสังเวียนอย่างเต็มตัว โดยสามารถคว้าชัยชนะ แบบน็อกเอาต์ ด้วยเวลาเพียง 30 วินาทีในไฟต์แรก แสตมป์ ได้รับฉายาว่า “นักมวยปากแดง” ตามที่เธอเขียนเอาไว้ บนหน้าโปรไฟล์ เฟซบุ๊กส่วนตัว ซึ่งมีที่มาจากสมัยเด็กๆ เพราะว่าคุณแม่ของเธอ นั้นมักจะทาลิปสติก
สีแดงให้เธอ ก่อนขึ้นชกในทุกไฟต์ จนกลายเป็นความเคยชิน มาจนถึงทุกวันนี้ ประสบการณ์ที่ ถูกสั่งสมมากว่า 80 ไฟต์ พร้อมกับความสำเร็จ ในการเป็นแชมป์ ภาคตะวันออกสองรุ่น ทำให้นักสู้สาว ชาวระยองถูกจองตัว เข้าไปอยู่ในสังกัด ค่ายใหญ่อย่าง แฟร์เท็กซ์ พัทยา เมื่อวัย 18 ปี โดย แสตมป์
บอกว่า “ปากไม่แดง ไม่มีแรงชก” และในเดิมที แสตมป์ เธอได้รับการชักชวนให้ ใช้สีเสื้อค่ายใหญ่อย่าง แฟร์เท็กซ์ พัทยา ในฐานะนักกีฬา การต่อสู้แบบผสมผสาน MMA ไม่ใช่แค่นักมวยหญิง เพียงอย่างเดียว ดังนั้นเธอจึงต้อง ฝึกซ้อมทั้ง วิชามวยไทย มวยปล้ำ และ บราซิลเลียน ยิวยิตสู
จนกระทั่งจู่ๆเธอก็ได้รับ โอกาสจากทาง ONE ให้ลงสังเวียนคิกบ็อกซิ่ง และมวยไทย ซึ่งเธอก็สามารถ คว้าแชมป์โลก มาครองได้สำเร็จ และหลังจากนั้น เธอจึงกลับมา พัฒนาฝีมือในสาย MMA อย่างจริงจังและมุ่งมั่น ที่จะไปให้ถึงแชมป์โลก ในเส้นทางนี้ให้ได้ นักมวยไม่เคยแพ้น็อค
สิ่งที่แฟนมวยเกี่ยวกับ แสตมป์ แฟร์เท็กซ์ ยังไม่เคยรู้คืออะไร ?
รู้หรือไม่ว่า แสตมป์ ก็มีรอยสักเสริมมงคล ซึ่งเธอนั้นก็มี รอยสักอยู่ทางด้านหลัง ก็คือ ยันต์เก้ายอด และ พระพิฆเนศ ตามความเชื่อที่ พ่อแม่ส่งต่อมาให้ว่า “ยันต์เก้ายอด” ที่มีอานุภาพ ครอบคลุมในทุกๆด้าน และในขณะที่ “พระพิฆเนศ” ก็เป็นเทพเจ้า แห่งความสำเร็จ เกี่ยวข้องกับวิชา สายศิลปะทุกแขนง
โดยเธอใช้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยว ทางใจสำหรับการใช้ชีวิต และการต่อสู้บนสังเวียน อีกทั้งในสมัยวัยรุ่น แสตมป์ เคยตัดผมสั้นมากๆ จนเคยมีสาวๆเข้าใจผิด คิดว่าเธอเป็นผู้ชาย และแอดเฟซบุ๊ก มาขอเป็นแฟนเลยทีเดียว และเธอยังมีไอดอล ในดวงใจที่เป็น แบบอย่างในด้าน ศิลปะการต่อสู้
ก็คือนักกีฬาหญิง ชื่อดังชาวสิงคโปร์ “แองเจลา ลี” ราชินีผู้ครองบัลลังก์ รุ่นอะตอมเวตคนปัจจุบัน และไม่แน่ว่า แสตมป์ จะได้เจอกับไอดอล ในฐานะคู่ต่อสู้หากว่า เธอสามารถคว้าเข็มขัดแชมป์ เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นอะตอมเวตหญิง ได้ในศึก ONE: WINTER WARRIORS
กว่าจะมาเป็น แสตมป์ แฟร์เท็กซ์ นักชกสาวขวัญใจชาวไทย เธอผ่านอะไรมาบ้าง
เส้นทางสายหมัดมวยของ แสตมป์ เริ่มขึ้นที่บ้านเกิด ในจังหวัดระยอง อันเป็นที่รู้จักในฐานะ แหล่งท่องเที่ยว ที่มีชื่อเสียงของไทย คนส่วนใหญ่ทำอาชีพเกษตรกร เช่นเดียวกับครอบครัวของ แสตมป์ ที่ทำสวนยาง ปลูกทุเรียน และเงาะ พ่อของเธอเป็นอดีตนักมวยไทย ส่วนลุงมีค่ายมวยเล็กๆ เป็นของตัวเอง
โดยใช้ชื่อว่า “เกียรติบุญเกิน” ซึ่งเปรียบเสมือน ค่ายมวยของครอบครัว ที่ทุกคนใช้ฝึกมวยด้วยกัน “พ่อเป็นนักมวยและชอบดูมวย แสตมป์ ก็นั่งดูมวยกับพ่อด้วย เราเคยเห็นพ่อและ พี่ชายลูกของลุง ซ้อมมวยด้วยกัน เราเป็นเด็กก็ยังไม่ทัน ได้สนใจอะไร ส่วนใหญ่จะช่วยพ่อแม่ใ นสวนมากกว่าค่ะ”
ซึ่งเส้นทางการเป็น นักมวยของเธอนั้น กว่าที่จะได้ครอบครอง เข็มขัดแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง และ มวยไทยอย่างทุกวันนี้ แสตมป์ เธอต้องสร้างเกราะ อันแข็งแกร่งในใจ เพื่อข้ามผ่านจุดที่ ใครก็มองว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะวงการมวยไทย โดยเฉพาะหลายสิบปีก่อน แทบไม่มีที่ยืนให้ นักมวยหญิง
เลยและมีความนิยมน้อย ขาดองค์กรสนับสนุน จนเกือบทำให้เธอ ล้มเลิกอาชีพนี้และ หันไปเรียนครูเพื่อ ยึดเป็นอาชีพหลักในอนาคต แต่เมื่อองค์กรศิลปะ การต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในโลกอย่าง วัน แชมเปียนชิพ ได้เปิดเวทีให้ นักสู้หญิงทั่วโลก ได้ลงสนามแข่งขัน ทั้งในกติกาการต่อสู้
แบบผสมผสาน MMA, คิกบ็อกซิ่ง และมวยไทย จึงทำให้เพศหญิง ซึ่งถูกมองว่าเป็นเพศ ที่อ่อนแอลุกขึ้นมา โชว์ศักยภาพด้าน การต่อสู้ที่เคย ถูกกดดันอยู่ภายใน และฉายแววอันโดดเด่น บนเวทีระดับโลก ซึ่งหลายคน ก็พบกับความสำเร็จ ที่ไม่แพ้นักสู้ชายเลย
การสูญเสียของนักมวยสาวมากความสามารถ ที่เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต
ในวันที่ 8 มิ.ย. 64 แสตมป์ นักสู้สาวชาวไทย ได้ออกมาเผยจุดเปลี่ยนของชีวิต หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เจอปัญหาและ ความน่าผิดหวังที่หนักหน่วง ทั้งการเสียเข็มขัดแชมป์โลก ONE สองเส้นในเวลาไล่เลี่ยกัน รวมถึงปัญหาส่วนตัว เรื่องความรักที่รุมเร้า ทำให้ช่วงปีนั้น ตัวเธอเองยอมรับว่า
เป็นการสูญเสีย ครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต จนเกือบเอาตัวไม่รอด แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ ทำให้เธอมองเห็น สัจธรรมของชีวิตและเธอ ได้ออกมากล่าวว่า “ตอนที่เสียแชมป์ รู้สึกเลยว่าตัวเอง ได้รับความสนใจน้อยลงค่ะ จากที่ไปไหนมาไหน มีแต่คนพูดถึงว่า เป็นแชมป์โลกสองเข็มขัด แต่ตอนนี้ก็แผ่วลง
การเสียเข็มขัดมันเป็นเรื่องงาน เรื่องความรักมันเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ทั้งสองเรื่องก็เกือบทำให้ แสตมป์ เอาตัวไม่รอดเหมือนกันค่ะ ยอมรับว่ามันหนัก” “สำหรับ แสตมป์ ช่วงที่ดีที่สุดในชีวิตคือ ช่วงที่เราสูญเสียค่ะ ตอนที่เรามีชื่อเสียง มีทุกอย่างมีคนรอบข้างเต็มไปหมด แต่ตอนที่เราไม่เหลืออะไรเลย
ทั้งเข็มขัดและความรัก เราได้รู้ว่าใครอยู่ข้างเราบ้าง ใครจริงใจกับเราบ้าง เราได้มองเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น ต้องให้กำลังใจตัวเอง ข้างหน้ายังมีอะไรที่เราต้องทำอีกเยอะ และยังมีคนรอบข้างที่คอยพูดให้กำลังใจทุกวัน ทั้งที่ค่าย และครอบครัว ทุกคนบอกว่าเราต้องกลับมา แม้จะต้องใช้เวลา แต่เราก็ต้องก้าวผ่านจุดนั้นให้ได้ค่ะ” แสตมป์กล่าว