เสมาเพชร แฟร์เท็กซ์ “ซ้ายฟ้าผ่า” นักมวยไทย บนสังเวียนการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด “วัน แชมเปียนชิพ”
เสมาเพชร แฟร์เท็กซ์ นักชกหนุ่มจากเชียงราย อดีตแชมป์มวยรอบปูนเสือในชื่อ “ส.เชาวลิต” แชมป์มวยรอบปูนเสือตัวที่ 12 ของช่อง 7 สี นักชกผู้มีหัวใจเกินร้อย อีกทั้งยังเป็นลูกกตัญญู และเป็นเสาหลักของครอบครัว เลี้ยงลูก แม่และน้องชา เพราะด้วยต้นทุนชีวิตที่ลำบาก เกิดในครอบครัว ที่มีฐานะยากจน อดมื้อกินมื้อ พ่อแม่ขายของเก่า และรับจ้างทั่วไป เขาเป็นลูกชายคนโต จึงอยากช่วงแบ่งเบาภาระ และดูแลน้องอีกคน จึงใช้เวลาว่างจาก การเรียนไปขายไข่ปิ้ง
รายได้หลักเพื่อประทังชีวิต ของพวกเขาคือการ เก็บรวบรวมขวดพลาสติก ที่รีไซเคิลได้มาขาย จนเมื่ออายุได้ 11 ปี เขาก็ได้พบกับ จุดเปลี่ยนในชีวิตเมื่อได้รู้จักกับ ศิลปะป้องกันตัว ทำให้เขารู้ว่านี่ เป็นหนทางในการ ช่วยสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัว เขาจึงตัดสินใจเดินเข้าสู่ อาชีพนักมวยไทย
อย่างจริงจังจากคำชวน ของผู้ว่าราชการจังหวัด “ตอนยังเด็ก ผมรู้แค่มีหนทางเดียวเท่านั้น ที่จะหาเงินได้ นั่นก็คือการขึ้นเวที” เสมาเพชรกล่าวกับ เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ ONE Championship “ผมตัดสินใจเริ่มฝึกซ้อม และไฟต์แรกของผมก็เกิดขึ้นในงานวัด” ทันทีที่เขาค้นพบ ความสามารถและ
ศักยภาพของตัวเอง เขาก็รู้ว่าจากนี้จะ ขออุทิศตัวเพื่อกีฬาชนิดนี้ เพื่อพาครอบครัวหนีให้พ้น จากความยากจนให้ได้ ด้วยฝีมือที่ดีอยู่แล้ว บวกกับการฝึกซ้อมอย่างหนัก เสมาเพชร กลายเป็นน้องใหม่ ที่น่าจับตาของวงการ จนในที่สุดก็ก้าวขึ้นสู่ แถวหน้าได้สำเร็จ ซึ่งสามปีหลังจากที่ เดินบนเส้นทาง
นักมวยไทยอาชีพ เสมาเพชรก็ได้โอกาส ขึ้นสังเวียนดัง ที่สร้างยอดมวยระดับแชมป์ มาแล้วมากมายอย่าง เวทีราชดำเนิน เป็นครั้งแรก ถึงแม้ในขณะที่ เจ้าตัวรับใช้ชาติ ด้วยการเป็นทหาร ตามความฝันในวัยเด็ก เสมาเพชรก็ยัง ฉายแสงด้านการ ชกมวยได้อย่างต่อเนื่อง
เส้นทางชีวิตบนสังเวียนของ “เสมาเพชร แฟร์เท็กซ์” ที่ไม่ได้มาง่ายๆ
ในวัย 11 ปี เสมาเพชร ได้รับการฝึกฝน วิชามวยไทย และได้ขึ้นชกครั้งแรก บนเวทีเล็กๆ ในงานวัดที่บ้านเกิด ผลการชกครั้งนั้นคือ เสมอ แต่ก็ไม่สำคัญเท่าค่าตัว 500 บาท ซึ่งในวันนั้น มันมีมูลค่ามหาศาล จนทำให้เขาตระหนักได้ว่า นี่คือหนทางสร้างอนาคต ที่ดีกว่าให้กับครอบครัว ทุกครั้งที่เขาขึ้นสังเวียน
เสมาเพชรรู้ดีว่า เขาแบกความคาดหวัง ของหลายคนเอาไว้ แต่เส้นทางของนักสู้ ไม่เคยมีใครที่ไม่รู้จักคำว่า พ่ายแพ้ หลังผ่านชัยชนะติดต่อกันถึง 12 ครั้ง เสมาเพชรก็ได้ลิ้มรสชาติข องความผิดหวัง ซึ่งเป็นบทเรียนแห่งความเจ็บปวด ในชีวิตนักสู้ ตอนยังเด็ก ผมรู้แค่มีหนทางเดียว ที่จะหาเงินได้
นั่นคือการขึ้นชกบนเวทีมวย ถามว่ามันคุ้มไหมที่เรา เอาร่างกายมาทรมาน กับความเจ็บปวด สำหรับผมอาชีพนักมวย ช่วยสร้างความเป็นอยู่ ที่ดีให้ครอบครัว นักรบย่อมมีบาดแผล ผมเป็นนักมวยจึงต้องอดทน ด้วยฝีมือบวกกับ การฝึกซ้อมอย่างหนัก สามปีให้หลัง “เสมาเพชร” ก้าวขึ้นสู่เวทีมาตรฐาน
ของประเทศไทย ก่อนจะได้ขึ้นแท่นเป็น พระเอก 7 สี คว้าแชมป์มวยรอบปูนเสือตัวที่ 12 มาครองในวัย 17 ปี ด้วยจุดเด่นเป็นมวยซ้าย เตะซ้าย ศอกซ้าย ออกอาวุธแรงทุกลูก เขาเป็นที่ชื่นชอบ ของแฟนหมัดมวย อย่างมากในช่วงเวลานั้น และรายได้จากการชกมวย นี่เองที่ทำให้เขาสามารถ
ส่งเสียตัวเองเรียนจนจบ ม.6 ได้ เสมาเพชรเข้าไปรับใช้ กองทัพด้วยการ เป็นทหารอยู่ราว 2 ปี และสร้างผลงานเด่นเป็น แชมป์มวยสมัครเล่นรุ่น 63 กก. เมื่อปี 2560 ก่อนจะหวนกลับ เข้าสู่วงการมวยอาชีพภายใต้สีเสื้อ “แฟร์เท็กซ์” ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญ และนำมาสู่จุดเปลี่ยน อันยิ่งใหญ่ของชีวิต
เมื่อต้นสังกัดส่งเสมาเพชร ไปโลดแล่นบนสังเวียนอินเตอร์ จนเขาได้เข้าร่วม เป็นนักกีฬาภายใต้ องค์กรศิลปะการต่อสู้ระดับโลก “วัน แชมเปี้ยนชิพ” ซึ่งเป็นความใฝ่ฝัน ของนักสู้เกือบทุกคน รวมทั้งตัวเขาเอง
ผมต้องเป็นแชมป์ของ ONE และเป็นหนึ่งในนักมวยที่ดีที่สุดในโลก
แม้ในขณะที่เจ้าตัว เข้ารับใช้ชาติด้วยการ เป็นทหารตามความฝันในวัยเด็ก เสมาเพชร ก็ยังฉายแสงด้านการ ชกมวยอย่างต่อเนื่อง “ผมไปเป็นทหารมาสองปี และลงแข่ง จนได้แชมป์มวยสมัครเล่นรุ่น 63 กิโลกรัม ของกองทัพเมื่อปี 2017” จากนั้นเมื่อกลับออกมาเป็นพลเรือน เขาก็ตั้งใจโฟกัส
กับอาชีพนักมวยไทย ก่อนสร้างชื่อ ในแผ่นดินเกิดได้สำเร็จ ปัจจุบันเขามีประสบการณ์ ขึ้นสังเวียนมาแล้วมากกว่า 100 ไฟต์ มีสถิติระดับอาชีพอยู่ที่ ชนะ 115 แพ้ 16 เสมอ 1 โดยผลงานที่โดดเด่น ของเจ้าตัวคือรายการ มวยไทยปูนตราเสือของช่อง 7 และ มวยไทยกรังด์ปรีซ์ ในพิกัดเวลเตอร์เวต
แต่สำหรับการได้เข้า แข่งขันบนเวทีที่ยิ่งใหญ่ ระดับโลกครั้งนี้ เสมาเพชรได้เผย เป้าหมายหนึ่งเดียวของเขา เท่านั้นก็คือเข็มขัดแชมป์ อาจไม่ใช่สิ่งที่เขาเคยวาดฝันไว้ แต่ด้วยผลของความสำเร็จ นำมาซึ่งเกียรติยศ และความภาคภูมิใจ รวมถึงชีวิตความเป็นอยู่ ที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน จึงเป็นความจริง
ที่ยิ่งกว่าความฝัน “ถ้าผมไม่รู้จักมวยไทย ความฝันของผมยังคงเหมือนเดิม คือการเข้ารับราชการ เป็นตำรวจหรือทหาร แต่พอผมได้ยึดอาชีพนักมวย ผมมีความรักในอาชีพนี้ เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้ผม ลืมตาอ้าปากได้ ทำให้ครอบครัว มีชีวิตที่สุขสบายขึ้น และกลายเป็นส่วนหนึ่ง ที่ผมจะขาดไม่ได้ในชีวิต”
ธุรกิจนอกสังเวียนของ “ซ้ายฟ้าผ่า” กับบทบาทเจ้าของร้านทำกุญแจ-เพาะเลี้ยงไก่ชน
สำหรับร้านทำกุญแจของ เสมาเพชร ตั้งอยู่ที่จังหวัดเชียงราย ช่วงไหนที่เจ้าตัว มีรายการชกก็จะฝากให้น้องชาย “เสมาชัย ส.เชาวลิต” ช่วยดูแลกิจการ ถ้าว่างจากการชกและ กลับไปเยี่ยมแม่เมื่อไหร่ เขาก็จะใช้เวลาส่วนหนึ่ง ในการดูแลกิจการของเขาเอง ซึ่งรายได้แต่ละวันเฉลี่ยวันละ 300-400 บาท แม้จะไม่มาก แต่มันก็เป็นรายได้ส่วนหนึ่ง ที่เขาใช้เลี้ยงครอบครัวมาถึงปัจจุบัน
“ผมทำมาตั้งแต่อายุ 16 ปี ตอนนี้ก็ยังไม่คิดจะเลิก เมื่อมีเวลาว่าง ก็จะกลับไปดูแลงานต่างๆด้วยตัวเองอยู่เป็นประจำ เพราะอาชีพเสริมนี้ เป็นอีกหนึ่งรายได้ที่ทำให้ผม มีเงินเลี้ยงครอบครัว ส่วนการเพาะไก่ขาย ผมทำอยู่ที่ค่ายมวย ส.เชาวลิต ซึ่งทั้งสองอาชีพเสริมนี้ สามารถเป็นอาชีพรองรับ ในอนาคตหลังจากที่ผมเลิกชกมวยได้ วันนี้ผมจึงพยายามที่จะ ประคับประคองมันให้ดีที่สุดครับ”
สำหรับงานหลักของ เสมาเพชร คือการชกมวยอาชีพ เจ้าตัวให้ความสำคัญ มาเป็นอันดับหนึ่งและหวังจะ เดินหน้าให้ประสบความสำเร็จสูงสุด ซึ่งหลังจากเซ็นสัญญากับ วัน แชมเปียนชิพ แล้วทำให้ฐานะความเป็นอยู่ของเขาดีขึ้น แม้แต่เจ้าตัวเอง ก็ยังไม่คิดฝันว่า จะเดินมาไกลถึงเพียงนี้
ข่าวน่าสนใจเพิ่มเติม : ปานเพชร ผดุงชัยมวยไทยยิม ดูซีรี่ย์ แทงบอลออนไลน์