สุดาพร สีสอนดี คว้าเหรียญรางวัลแรกมาจนสำเร็จ กว่าจะมาจนวันนี้ล้มไปหลายรอบ แต่ไม่มีความยอมแพ้
สุดาพร สีสอนดี ที่เข้าร่วมในการแข่งขัน โอลิมปิก เกมส์ ที่ได้มาถึง โดยสำหรับกีฬามวยสากลสมัครเล่น นั่นก็คือความคาดหวังเหรียญรางวัลจากคนไทยทุกครั้งไป สำเร็จหรือล้มเหลวเป็นเรื่องที่ผลการแข่งขันจะต้องตัดสิน และถึงบางครั้งก็อาจจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ภายในเวลา 4 ปีต่อมา สำหรับคนไทยเอง ก็ยังคงคาดหวังเหรียญจากนักชกแดนสยาม ที่จะคว้ามาครอบสักเหรียญ สักครั้ง
สำหรับโอลิมปิก เกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ก็ได้มีการแข่งขัน ที่เป็นกีฬามวยสากล ยังคงเป็นกีฬาที่แฟนชาวไทย ที่มีการคอยให้การติดตามเพื่อลุ้นเหรียญรางวัลกลับมา ซึ่งในครั้งนี้เอง ก็ถือว่าไม่ได้มีแค่นักมวยชายเพียงอย่างเดียว แต่ก็ได้มีรวมถึงนักชกเพศหญิงที่มีโอกาสจะคว้าเหรียญกลับมาสร้างความสุขให้กับคนไทยเช่นกัน
และสำหรับเขาคนนี้ ที่ได้บอกกตัวเองเหมือนกับการ ตั้งชื่อเรื่องมา 1 ชื่อคือ”กว่าจะได้ไปโตเกียว” ครั้งนี้ ที่ได้มีการบอกเล่าเรื่องราวของสุดาพร สีสอนดี นักชกหญิงชาวไทย ที่เธอเองก็ได้เป็นความหวังของการคว้าเหรียญครั้งแรก จากมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกให้กั บวงการมวยหญิง ด้วยประสบการณ์นักสู้ที่เธอเอง ก็ต้องฝ่าฟันมาตลอดชีวิต 29 ปีที่ผ่านมา
สำหรับสุดาพร สีสอนดี เธอเกิดเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2534 ที่อำเภอไชยวาน จังหวัดอุดรธานี โดยสำหรับครอบครัวของเธอเปิดค่ายมวยไทย ที่ทำเพื่อฝึกสอนเยาวชนที่บ้าน ด้วยเหตุนี้ กีฬากำปั้นเอง จึงได้อยู่ใกล้ตัวหญิงคนนี้มาตลอด
และตามประสาเด็กทั่วไป สุดาพรเล่นซุกซนผ่านการชกกระสอบทราย ฝึกซ้อมมวยตามเด็กในหมู่บ้าน แต่เธอเองก็ไม่เคยมีความฝันที่อยากจะเป็นนักมวยอย่างจริงจัง แต่แล้ววันหนึ่งตอนอายุได้ 11 ปี มีมวยเด็กหญิงเดินทางมาชกใกล้บ้าน แต่ไม่สามารถหาคู่ชกได้
คุณพ่อของสุดาพรเอง จึกได้ชักชวนให้เธอไปลองขึ้นไปหาประสบการณ์ ในฐานะนักสู้บนสังเวียนครั้งแรก โดยเธอนั่นก็ตัดสินใจตอบตกลง เพราะไม่ใช่ว่าเธออยากจะเป็นนักมวย แต่เธออยากช่วยครอบครัวหาเงินนั่นเอง
แต่สำหรับตัวของสุดาพร ก็จะต้องพบกับบทเรียนแรงของการเป็นนักมวย นั่นก็คือความเจ็บปวดจากการชกในแต่ละครั้ง แล้วถึงเธอจะได้รับชัยชนะมาบ้าง แต่หลังต่อยไปเพียงไม่กี่ไฟต์ จนตัวเธอก็ถอดใจอยากจะแขวนนวม เพราะความเจ็บปวดจากกีฬาของเธอเองแล้ว
แม้พ่อของเธอไม่ขัดหากลูกสาวสุดที่รักจะเลิกเล่น แต่ด้วยความที่ฐานะของทางบ้านเธอเองก็ไม่ได้ดีนัก ก้จึงทำให้เธอตัดสินใจลองนำวิชามวย ที่มีสอบเข้าเรียนต่อในโรงเรียนกีฬาจังหวัดขอนแก่น เพื่อเป็นไปเบิกทางในอนาคต และสามารถแบ่งเบาภาระครอบครัว
โดยในตอนแรกเธอตัดสินใจจะเรียนในศาสตร์ของมวยไทย หากแต่เธอเลือกเบนเข็มมายังมวยสากลสมัครเล่นจากคำแนะนำ ของคุณครูที่เผยว่า นักมวยสมัครเล่นสามารถมีเส้นทางไปได้ไกลกว่ามวยไทยแน่นอน
และโดยอย่างไรก็ตาม ก็ด้วยคำสนับสนุนจากคนรอบข้าง ที่ได้ทำให้เธอเองได้กลับมาสู้อีกครั้ง พร้อมมากับเป้าหมายที่ใหญ่กว่าเดิม และนั่นคือครั้งนี้เธอจะไม่หยุดที่ระดับเอเชีย แต่ต้องประสบความสำเร็จในเวทีระดับโลก
โดยในเกมส์การแข่งขันโอลิมปิก เกมส์ 2020 จึงเป็นเป้าหมายสำคัญของสุดาพร สีสอนดีที่ต้องฝ่าด่านไป ที่จะเข้าร่วมการแข่งขันรายการนี้ให้ได้ โดยก็ไม่ใช่งานยากของมวยระดับท็อปจากทวีปเอเชีย และเพราะเธอเอง ก็ถือว่ามีการล้มมวยคู่แข่งจากอุซเบกิสถาน สามารถคว้าตั๋วโอลิมปิกครั้งนี้มาครองได้ตามความคาดหมาย
แต่สำหรับสิ่งที่ยากคือ การคว้าเหรียญในการแข่งขันครั้งนี้ เพราะสุดาพรก็ถือว่าไม่ได้จะเข้าร่วมโอลิมปิกเพียงเพื่อเก็บประสบการณ์ เพราะมันไม่มีโอกาสครั้งไหนที่จะสมบูรณ์แบบไปมากกว่านี้อีกแล้ว
แต่สำหรับสุดาพร สีสอนดี “กว่าจะได้ไปโตเกียว” มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เธอต้องผ่านอุปสรรคมากมาย แต่ในการที่ได้เข้าไปอยู่ในจุดที่อยากยอมแพ้ กับความฝันหลายครั้ง แต่ทุกครั้งเธอตัดสินใจลุกขึ้นมาสู้ต่อ และได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า กับทุกหยาดเหงื่อที่ลงทุนไป
เพราะว่าเกมโอลิมปิก เกมส์ครั้งนี้ เราเองก้คงไม่ทราบได้ว่า สุดาพรนักชกจากจังหวัดอุดรธานีจะประสบความสำเร็จแค่ไหน แต่สิ่งหนึ่งที่เชื่อได้คือเธอจะทุ่มเทสุดตัวเพื่อหวังคว้าเหรียญรางวัลกลับมาอย่างแน่นอน
อ่านข่าวมวยเพิ่มเติม >>> ข่าวสารมวยไทย
ติดตามรับชมมวยมันส์ๆที่ >>> Ufaboxing