สมรักษ์ คำสิงห์ ประวัติความเป็นมาของตำนานนักมวยของประเทศไทย มีนามว่า สมรักษ์คำสิงห์
สมรักษ์ คำสิงห์ นาวาตรี เป็นนักกีฬาทีมชาติไทยคนแรก ที่ได้รับรางวัลเหรียญทอง จากการแข่งมวยสากลสมัครเล่น ในโอลิมปิกหน้าร้อน 1996 ที่เมืองแอตแลนตา เมืองจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี พุทธศักราช 2539 สมรักษ์ คำสิงห์
เป็นชาวหมู่บ้านโนนสมบูรณ์ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น (เดี๋ยวนี้เป็น อำเภอบ้านแฮด) เกิดช่วงวันที่ 16 เดือนมกราคม พุทธศักราช 2516 ซึ่งทางมวยไทย ของสมรักษ์ เริ่มขึ้น ทีแรกที่สถานศึกษา มหาไถ่ศึกษา เล่าเรียนโนนสมบูรณ์ ด้วยสาเหตุ
อันเกิดจากที่สมรักษ์ มีบิดาเป็นนักมวยเก่าก็เลยได้รับการฝึกหัด ชกมวยไทยมาตั้งแต่เด็ก ขึ้นสังเวียนมวยหนแรก ขณะอายุได้ 7 ปี รวมทั้งได้สัญจร ต่อยตามเวทีงานวัดต่างๆ จนกระทั่งทั่ว จนกระทั่ง ได้รับการทาบทามจาก ณรงค์ กองณรงค์ หัวหน้าภาควิชาณรงค์ ยิมให้มาร่วมค่าย สมรักษ์ก็เลยขอขึ้นสังเวียนมวยไทย ในชื่อ สมรักษ์ณรงค์ยิม ดูบอล123
รวมทั้ง เปลี่ยนเป็นนักมวย มีชื่อในแถบ จังหวัดขอนแก่ถัดมา ณรงค์ กับนายแดง บิดาของสมรักษ์ เกิดแตกคอกัน สมรักษ์ก็เลยย้ายไปอยู่ค่ายลูกศิษย์อรัญ เข้ามาชกมวย ในกรุงเทพมหานคร ได้ไปเรียนที่ สถานศึกษา ผะดุงลูกศิษย์ พิทยา โดยต่อย ทั้งยังมวยไทย รวมทั้งมวยสากล สมัครเล่น สมรักษ์ขึ้นสังเวียนมวยไทย ในชื่อ “พิมพ์ป่าเล็ก ลูกศิษย์อรัญ”
แต่ว่าพอเพียงสมรักษ์ ขึ้น มัธยม2 บิดาก็ตายจากไป แล้วหลังจากนั้น เส้นทางมวยไทยของสมรักษ์ เป็นการเดินทางสำรวจ ชกตามเวทีต่างๆ อีกทั้ง จังหวัดชลบุรี สำโรง อ้อมน้อย ก่อนขึ้นสังเวียน สนามมวยมาตรฐาน
อีกทั้ง เวทีราชดำเนิน แล้วก็เวทีลุมพินี ได้โอกาสขึ้นสังเวียน กับนักมวยมีชื่อสมัยนั้น ผู้คนจำนวนมาก ตัวอย่างเช่น ชาติชายน้อย ชาวไร่ชาวนาอ้อย, ช้างน้อย ศรีมงคล, บัวขาว เปรียญพิสิษฐ์เชษฐ์, ฉมวกเพชร ช่อชะมวง สมรักษ์ คําสิงห์ ลูก
แต่ว่า ไม่เคยได้แชมป์มวยไทย ของเวทีใด จนถึงปี พุทธศักราช 2538 ก็เลยขึ้นสังเวียนมวยไทย หนสุดท้าย ชนะน็อค สุวิทย์เล็ก ส.สกาวรัตน์ ชู 4 แล้วจึงหันมาเอาดี ด้านมวยสากลสมัครเล่น สิ่งเดียว ค่าจ้างสูงสุด ที่ได้รับจากการชกมวยไทย อยู่ที่ราว 180,000 บาท จัดเป็นนักมวยเงินแสน คนหนึ่ง
เส้นทาง หลังจากต่อยมวยไทยแล้ว ก็เข้าหาวงการมวยสากล จนเป็นตำนานทุกวันนี้
สมรักษ์เริ่มลงแข่งขันมวยสากล สมัครเล่น ในนามของสถาน ที่เรียน เมื่อปี พุทธศักราช 2528 เมื่ออายุ 12 ปี โดยมีพิกัด น้ำหนัก 52 โลเมื่อสมรักษ์จบ มัธยม6 จากสถานศึกษารักษาลูกศิษย์ฯ ได้รับการทาบทาม จากสมาพันธ์ ราชกองทัพเรือ ให้ชกมวยสากลสมัครเล่น ในนามของสมาคม และก็จะใส่ให้เข้ารับราชการในทัพ เรือด้วย สมรักษ์ก็เลยตอบตกลง
สมรักษ์บรรลุผลสำเร็จ ได้ทั้งยังแชมป์ เมืองไทยแล้ว ก็เหรียญทอง กีฬาแห่งชาติ เข้าสู่ทีมชาติหนแรก สำหรับ ในการแข่งโอลิมปิก ที่บาร์เซโลนา ในปี พุทธศักราช 2535 ในรุ่นเฟเธอร์เวท รอบแรก ชนะ ไมค์ สแตรงก์ จากแคนาดา เมื่อ 29 เดือนกรกฎาคม รอบสอง แพ้ ฟาอุสติโน เรเยส จากประเทศสเปน เมื่อ 2 ส.ค. ไม่เข้ารอบ พุทธศักราช 2536 ได้เหรียญทองมวยทหารโลก
ที่ประเทศอิตาลี แต่ว่ามิได้ติดกลุ่มชาติไปแข่งขัน กีฬาซีเกมส์ในปีนั้น เพราะเหตุว่า ไม่พร้อม สมรักษ์เริ่มโด่งดังขึ้นมา เป็นครั้งแรก จากการเป็นนักกีฬาไทย ที่ได้เหรียญทอ งเพียงผู้เดียว สมรักษ์ คําสิงห์ไม่ได้โม้
สำหรับในการแข่งเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 12 ในปี พุทธศักราช 2537 ที่เมืองฮิโรชิมา ญี่ปุ่น ทั้งที่ก่อนหน้านั้น แทบจะถูกตัดสิทธิ์ ด้วยเหตุว่าตรวจสมรรถนะร่างกาย ไม่ผ่าน ในคราวแรก (คราวหลัง ที่ประชุมโอลิมปิก ทวีปเอเชีย ได้กลับคำพูดวินิจฉัย โดยให้ เมืองเหล่ากอ ศรีสานนท์ นักว่าย ได้ 2 เหรียญทอง)
พ.ศ. 2538 สมรักษ์ได้เหรียญทองจากกีฬาซีเกมส์ ที่จังหวัดเชียงใหม่ แล้วก็ผ่านการเลือกเฟ้น ไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิกรอบในที่สุด สมรักษ์มีชื่อเสียงถึงที่สุดในปี พุทธศักราช 2539 เมื่อสมรักษ์ สามารถคว้าเหรียญทองจากโอลิมปิกมาได้ โดยชนะ เซราฟิม โทโดรอฟ จากบัลแกเรีย ด้วยคะแนน 8-5 ทางสู่ทองคำประวัติศาสตร์
เริ่มจากรอบแรก เอาชนะแดเนี่ยล เซต้า นักต่อยเปอร์โตริโก 13-2, รอบสอง ชนะฟิลิป เอ็นดู จากแอฟริกาใต้ 12-7, รอบสาม หรือรอบก่อนรองชนะ รามาส พาเลียนี่ จากรัสเซีย 13-4 นั่นคือ
ว่าได้เหรียญทองแดงเกี่ยวคอไว้แล้ว รวมทั้งสมรักษ์ชนะ พาโบล ชาคอน จากประเทศอาร์เจนตินาไปได้ 20-8 แล้วก็ตอนท้ายเอาชนะ เซราฟิม โทโดรอคอยฟ จากบัลแกเรียไปได้ ซึ่งก่อนจะมีการต่อยในรอบชิงแชมป์
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ไทยองค์รัชทายาทได้พระราชทานตะกร้าผลไม้มายังสมรักษ์รวมทั้งคณะทำงานพร้อมด้วยทรงอำนวยพรให้สมรักษ์ได้รับความมีชัยด้วย โดยการแข่งขันชิงชัยโอลิมปิกในคราวนี้ สมรักษ์ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า “Kamsing Somluck” โดยจงใจให้มีความนัยทางโชคด้วย (แต่ว่าผู้พูดบรรยายภาษาอังกฤษ อ่านออกเสียงว่า คำสิง สมลุก
สมรักษ์ คำสิงห์ เคยถูกฟ้องจนล้มละลาย
ช่วงวันที่ 21 ก.ย. 2561 ราชกิจจานุเบกษาออกประกาศเรื่อง ให้พิทักษ์ทรัพย์ของ นางเสาวนีย์ คำสิงห์ แล้วก็นายสมรักษ์คำสิงห์ เด็ดขาด ตามพ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 โดยบริษัทบริหารทรัพย์สิน มหานคร จำกัด ได้ยื่นฟ้องต่อศาลล้มละลายกึ่งกลาง ขอให้เชลยทั้งคู่ล้มละลาย มีอำนาจจัดแจงเกี่ยวกับธุรกิจรวมทั้งสินทรัพย์ของเชลย8 เนื่องด้วยมีหนี้ จากการเปิดปั๊มน้ำมัน กว่า 4 ล้านบาท สมรักษ์คําสิงห์เหรียญทองโอลิมปิก
สมรักษ์แจกแจงว่า กรณีนี้เป็นคดีความเก่า ที่ค้างคามาหลายทศวรรษ ปีแล้ว ตั้งแต่ยุคยังคงชกมวยสมัครเล่น มีต้นสายปลายเหตุสาเหตุจากความไม่รู้ไม่ช่ำชองในเรื่องเอกสารต่างๆประกอบกับธุรกิจขาดทุน กระทั่งในที่สุดก็เลยเปลี่ยนเป็นคดีกินเวลามาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ ในช่วงเวลาที่ เครื่องหมายชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงเป็นกลาง โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวชี้ว่า ถ้าเกิดศาลสั่งให้ล้มละลาย สามารถส่งผลให้สมรักษ์จำต้องออกมาจากราชการด้วย