พเยาว์ พูนธรัตน์ แชมป์โอลิมปิกคนแรกของไทย พร้อมคุณสมบัติแชมป์โลกคนที่ 7

พเยาว์ พูนธรัตน์ ประวัติวีรบุรุษของไทยคนแรกจากโอลิมปิค และเป็นคนที่ 7 ของไทยที่ได้แชมป์โลก

พเยาว์ พูนธรัตน์ กล่าวได้เลยว่าเป็นผู้บุกเบิก วงการโอลิมปิคของไทยอย่างมาก ถึงทักษะและความสามารถ ที่สามารถไปคว้าเหรียญรองอันดับที่ 2 ของการแข่งขันได้ เป็นคนแรกของประเทศไทย ที่สามารถคว้าเหรียญนี้มาได้ เป็นบุคคลนี้ชื่นชมอย่างมาก เรามาดูประวัติของวีรบุรุษ ของไทยคนแรกกันบ้าง สำหรับตัวของพเยาว์นั้น มีชื่อจริงว่า ร.ต.อ.พเยาว์ พูลธรัตน์ และมีชื่อเล่นว่า จ้อน

ตัวของเขาเกิดเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2499 ตัวของเขาเกิดที่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่อำเภอบางสะพาน เมื่อก่อนจะมาเป็นแชมป์ ตัวของเขาได้ชก มวยไทย มาก่อน ชื่อเต็มๆของนักมวยว่า พชรพเยาว์ ศิษย์ครูทัศน์ ที่หลายๆคนต่างรู้จักกันดี ตัวของเขานั้นเป็นแชมป์คือ แชมป์รุ่นไลท์ฟลายเวท(สมัครเล่น) แชมป์รุ่นซูเปอร์ฟลายเวท

ตามการชกทั้งหมด ตัวของเขาชกทั้งหมด 14 ครั้ง และชนะได้ถึง 10 ครั้ง และแพ้ทั้งหมด 4ครั้ง ตัวของจ้อนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2549 ในการเข้ามาแข่งขันนั้น พเยาว์ พูนธรัตน์ ประวัติ มีการถูกฝึกสอนโดย สุรัตน์ เสียงหล่อ , สุดใจ สัพพะเลข , ชาร์ลส์ แอตกินสัน แต่ละคนนี้เป็นถึง นักชกแนวหน้าของไทยอีกด้วย

สำหรับวีรกรรมของตัวเขานั้น ไม่ว่าจะเป็นแชมป์โลกคนที่ 7 หรือรองแชมป์อันดับสองในการแข่งโอลิมปืคก็ตาม เป็นที่น่าพอใจของไทย ถึงว่าว่าเขาจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ยังเป็นที่กล่าวขาน ของประเทศไทยสืบมา พร้อมทั้งประวัติทางด้านการเมือง ที่เป็นถึงอดีต ส.ส. ของพรรคประชาธิปัตย์ 

 

พเยาว์ พูนธรัตน์

 

พเยาว์ พูนธรัตน์ ความเป็นมาของวีรบุรุษคนแรกของประเทศไทย

ในช่วงของการเล่นมวยไทย ที่ผ่านศึกมานักต่อนัก เป็นที่ติดชื่อคนเก่ง ของประเทศไทยก็ว่าได้ หลังจากนั้นไม่นาน ตัวของเขาก็ถึงการอิ่มตัว ของการเล่นมวยไทย จึงหันมาลองเล่นสวยสากล ในที่น่าติดตาอย่างมาก เพราะเขาเพียงแค่เข้ามา ก็สามารถติดทีมชาติ ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็น แชมป์มวยคิงส์คัพ ,แชมป์โกลเด้นคัพ การแข่งขันครั้งนั้น จัดขึ้นในประเทษแคนยา , และยังไม่หมดเพียงแค่นั้น

ยังได้รับเหรียญเงินมวยสมัครเล่น ชิงแชมป์ระดับโลก ที่จัดขึ้นที่ในสหรัฐอเมริกา ในการชกกลับมาในครั้งนั้นเอง พอกลับมาถึงเมืองไทย ได้รับให้เข้าร่วมทีมชาติ ในการเข้าร่วมชกในศึกโอลิมปิค ที่ถูกจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 21 ของประเทศแคนาดา ในการขึ้นชกครั้งแรก ได้ขึ้นชกกับนักชก มวยสากล ในไทย

จากประเทศโรมาเนีย ชื่อว่า เรมุส กอสมา แต่ด้วยหมัดที่ทรงพลัง สามารถชนะไปได้ง่ายๆ และขึ้นชกครั้งต่อไป ได้เจอกับนักชกชาวโซเวียด มีชื่อชกในครั้งนั้นว่า โอเลกซันด์ คาเชนโก ในการชกครั้งนั้น ก็สามารถชนะไปได้ไม่ยาก จนสามารถเข้ามาถึง รอบ 8 คนสุดท้ายของการแข่งขันได้ ได้ขึ้นชกกับ หนุ่มนักชกชาวฮังการี ที่มีชื่อเรียกว่า เกิร์ด แกโด

สามารถชนะไปได้ แต่กลับมาแพ้ในรอบรองชนะเลิศ ที่เจอนักชกฝีมือดีจากเกาหลี นามว่า รี พยองอุก ที่เป็นรอดเข้าชิง จึงได้เพียงแค่เหรียญทองแดง ในการแข่งขันรุ่นไลท์ฟลายเวท แต่ด้วยการแพ้ครั้งนั้น กลับเป็นที่น่ายินดีของไทยเรา ที่มีผู้ได้รับเหรียญคนแรก จากการแข่งขันโอลิมปิคนั้นเอง ในการแข่งขันครั้งนั้น ตัวของนายจ้อนนั้น มีอายุเพียงแค่ 19 ปีเท่านั้น ถือวาเป็นการได้เหรียญทอง ด้วยอายุที่น้อยที่สุดนั้นเอง เว็บดูบอลสดฟรี

 

 

ผู้ประสบความเร็จในการเป็น แชมป์มวยสากล คนที่ 7 ของประเทศไทย

สำเร็จการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สำหรับการเป็นนักชก มวยสากล มืออาชีพแบบเต็มตัว เริ่มจากการเป็นแชมป์ใน 6 ปีที่แล้วนั้น หลังจากได้แชมป์จากโอลิมปิค ก็ผลันตัวเข้ามาเป็น นักชกมืออาชีพอย่างเต็มตัว โดยเริ่มจากการได้เข้า ร่วมกับสังกัดอย่าง ธรรมนูญ วรสิงห์ อยู่ได้เพียงไม่นาน ก็ย้ายเข้ามาที่สังกัดใหม่อย่าง จูน ซาเรียล 

ในการเข้าสังกัดนี้ ได้ถูกเสนอชื่อ ให้กับการถูกจัดเข้าสถาบันนักมวย ภาคตะวันออกไกลและแปซิฟิก จากนั้นมาก็ได้ถูกซักชวน ให้เข้าร่วมชิงแชมป์ กับนักชกเกาหลีใต้ ชื่อที่คุ้นหูกัน ซุน ซุน กวอน สำหรับการชกครั้งนี้ เป็นการชกที่บอกว่า กระซันชิดอย่างมาก ทำให้ความพร้อมของร่างกาย 

ไม่เต็มที่ จึงทำได้เพียงแค่ต่อสู้ ตามความพร้อมนั้นเอง สำหรับการชกครั้งนั้น ตัวของนายจ้อนสามารถชกครบทั้ง 12 ยก แต่การนับคะแนน กลับต้องยกให้กลับทางฝั่ง เจ้าของแชมป์เปี้ยน ที่สามารถชนะคะแนนไปได้นั้นเอง สำหรับในการแพ้ครั้งนั้น กลับเป็นแรงปลักดัน ทำให้ตัวเองกลับมาฝึกอย่างหนัก

พร้อมพัฒนาหมัดให้แม่นยำ และคมมากยิ่งึ้น จนได้ขึ้นชกกับนักชกชาวไทย และอีกมากมาย จนได้ขึ้นชิงแชมป์โลก รุ่นซูเปอร์ฟลายเวท น้ำหนักรวม 115 ปอนด์ เป็นการถูกจัดขึ้นจาก สมาภมมวยโลก หรือ WBC ในการแข่งขันครั้งนั้น เขาได้ขึ้นชกกับ ราฟาเอล โอโรโน ที่เป็นแชมป์โลกของรุ่นนั้นเอง ในการชิงแชมป์ตนั้งนี้

ถูกจัดขึ้นที่เมืองไทยอีกด้วย ในการชกครั้งนี้ เป็นการชกไม่มีการชนะน็อก าำหรับฝั่งของผู้ชนะ จะตกไปอยู่กับทางของ พเยาว์ ที่สามารถชนะด้วยคะแนนไปได้ ต่อมาได้เป็นแชมป์โลกรุ่นที่ 7 ของประเทศไทยอีกด้วย และหยังจากได้แชมป์มานั้น เจ้าตัวก็ได้มีโอกาส ป้องกันตำแหน่งครั้งแรก จากการชกกับ กูดี เอสปาดาส 

ที่เป็นถึงอดีตแชมป์ของเวทีลุมพีนีอีกด้วย ในการชกครั้งนั้น เป็นทางของพเยาว์ที่สามารถ ชนะในการชกป้องกันชแมป์ครั้งนี้ได้ โดยสามารถชนะน็อกไปได้ ซึ่งเป็นการชกที่สนุกอย่างมาก และยังมีการเข้าร่วม การชกที่กรุงโซล แต่การขึ้นไปชกครั้งนั้นกับถูกชนะด้วยคะแนน  และต่อมาการแก้มือ แต่พเยาว์ก็ไม่สามารถ ที่จะเป็นแชมป์ได้นั้นเอง 

 

ประวัติการศึกษา และการเข้ามาสู่ นักการเมือง ก่อนหมดสิ้นอายุไขของตัวเอง

หลังจากการแพ้ครั้งนั้น ตัวเองก็แขวนนวมอย่างเต็มตัว ซึ่งเป็นที่น่าผิดหวังอย่างมาก โดยประวัติการศึกษา สำหรับการศึกษาในช่วงของมัธยมต้น จบจากโรงเรียนที่บางสะพาน ต่อมามีการย้ายเข้ามา ศึกษาต่อที่กรุงเทพมหานคร ที่ไปเรียนต่อช่างกลของโรงเรียนสิทธิ่ราม ในการเรียนถือว่าเป็นคนที่เรียนเก่ง ขยันมาก จนสามารถได้รับทุน ที่ไปเรียนต่อไป ที่ ม.ล. ปิ่น มาลากุล จนจบการศึกษา ปวช.3 โดยเรียนไปเพียงแค่ 2 ปี

ได้รับการคัดเลือกให้ติดทีมชาติ มวยสากลสมัครเล่น และความสำเร็จล่าสุด สามารถจบการศึกษาระดับปริญญาตรีนั้เอง ในเข้ามาสู่ในช่วงของนักการเมือง โดยมีการจัดการเลือกตั้ง ในช่วงปีที่ 2538 โดยการเลือก ส.ส. ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งในตอนนั้นตัวเอง ได้เข้าร่วมกับต้นสังกับ พรรคประชาธิปัตย์

ในช่วงนั้นตัวเอง กลับไม่ได้ถูกเลือกให้เป็น ส.ส.จึงได้มีการ ลงสมัครหลายครั้งต่อหลายครั้ง จนในช่วงปีที่ 2544 เจ้าตัวได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์นั้นเอง แต่ตัวเองนั้นกลับอยู่ได้ เพียงแค่ 1 ปี ก็เกิดโรคกับตัวเองขึ้น เป็นถึงโรคเส้นเลือดในสมองตีบ หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง

ในตัวของพเยาว์ ไม่สามารถที่จะทนบาดแผลได้ มีการรักษาหลายต่อหลายครั้ง จเป็นเรื่องที่น่าเศร้าของครอบครัว หลังมีการจบบทบาทอย่างถาวร ของทางฝั่งพเยาว์ไปอย่างยาวนาน

ติดตามบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่ >> ประวัติสามเอ