ตำนานนักชกแชมป์โลก “แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์” อดีตนักชกไทย ที่ถูกสภามวยโลกบันทึกเอาไว้ในฐานะนักชกที่สามารถ คว้าเข็มขัดแชมป์โลกได้เร็วที่สุด
ตำนานนักชกแชมป์โลก “แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์” มีชื่อจริงว่า “บุญส่ง มั่นศรี” และชื่อเล่นว่า “แสบ” เกิดเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2494 ที่ตำบลสะเดียง อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ เขาเป็นแชมป์โลกชาวไทยคนที่ 5 ต่อจาก “โผน กิ่งเพชร” แชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ไลท์เวทของ สภามวยโลก ซึ่งเป็นแชมป์โลก รุ่นใหญ่ที่สุดที่ไทยเคยมี และยังได้สร้างสถิติมหัศจรรย์ ที่ยังไม่เคยมีนักมวยคนใด ในโลกทำได้มาก่อน
คือขึ้นการชก มวยสากล แค่เพียง 3 ครั้ง ก็ได้ขึ้นครองตำแหน่งแชมป์โลก และก็ไม่ใช่เป็นเรื่องฟลุ๊ค แต่ว่าเป็นการวางแผน ของโปรโมเตอร์ผู้มีฉายาว่า “พญาอินทรีย์” วางแผนให้เขา ไต่บันไดแค่ 3 ขั้นขึ้นสู่ตำแหน่งแชมป์โลก แสนศักดิ์ เขาเคยชกมวยไทยมาก่อน
ในชื่อว่า “แสนแสบ เพชรเจริญ” หรือ “แสบทรวง เพชรเจริญ” และเมื่อได้เข้ามาชกในกรุงเทพ ได้เข้าสังกัดค่าย เมืองสุรินทร์ ของสนอง รักวานิช และเป็น นักมวยดัง คนหนึ่งในยุคนั้นและยังเคยเป็น แชมป์มวยไทย รุ่นซูเปอร์ไลท์เวทของ สนามมวยลุมพินี และถูกคัดเลือกให้ไปชก มวยสากลสมัครเล่น
ในกีฬาแหลมทองครั้งที่ 7 ณ ประเทศสิงค์โปร์ และสามารถเอาชนะน็อคคู่ต่อสู้ ได้แบบรวดเดียว จนได้เหรียญทองมาครอง เริ่มก้าวแรกบนถนนนักมวยในแบบมวยไทย และเริ่มมีชื่อเสียงเมื่อ เข้ามาอยู่ในการจัดการของ สนอง รักวานิช นักทำมวยมืออาชีพ โดยชกในรุ่นเฟเธอร์เวท
และประสบชัยชนะด้วย หมัดซ้ายมาตลอด กระทั่งได้เป็นแชมป์มวยไทย รุ่นจูเนียร์เวลเตอร์เวต (140 ปอนด์) เวทีลุมพินี โดยชนะ สรศักดิ์ ส.ลูกบุคคโล จากนั้นก็ขึ้นชั้นชกกับ นักมวยแถวหน้า ของเมืองไทยยุคนั้น ไม่ว่าจะเป็น วิชาญน้อย พรทวี, ศิริมงคล ลูกศิริพัฒน์ และ พุฒ ล้อเหล็ก “แสนศักดิ์” เป็นนักมวยที่มีช่วงแขนยาวกว่าปกติ หมัดซ้ายหนักโดยธรรมชาติ ถือเป็นนักมวยแชมป์โลก รุ่นใหญ่ที่สุดเท่าที่ ประเทศไทยเคยมีมาเลย
ไฟต์แห่งความทรงจำของคนทั้งประเทศของ “แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์” ตำนานนักชกแชมป์โลก
ซึ่งไฟต์แห่งความทรงจำ ที่ยังคงตรึงใจแฟนๆมวย มาอยู่จนทุกวันนี้กับการ “แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์” เอาชนะน็อก มอนโร บรู๊คส์ นักมวยชาวอเมริกัน ได้ในยกที่ 15 ที่จังหวัดเชียงใหม่ และเอาชนะคะแนน ซาอูล แมมบี้ นักมวยชาวอเมริกันอีกคน ที่จังหวัดนครราชสีมา
และขณะที่ “แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์” ระหว่างชก โธมัส เฮิร์นส์ เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2522 ที่สหรัฐอเมริกา และเอาชนะมาได้ แต่ก็ต้องแลกด้วยความ บอบช้ำอย่างแสนสาหัส จากน้ำหนักหมัดของแมมบี้ ซึ่งสื่อมวลชนบางรายเชื่อว่า การชกครั้งนี้ ได้มีการกำหนดผลการแข่งขัน เอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
และในเวลาต่อมา “เทียมบุญ อินทรบุตร” โปรโมเตอร์ผู้จัดการแข่งขัน กับ โลเป ซาเรียล โปรโมเตอร์ร่วมชาวฟิลิปปินส์ ชื่อว่าสภาพดวงตา ของแสนศักดิ์ ที่มีปัญหาก็เกิดมาจาก การชกไฟต์นี้ ถึงแม้ตัวแสนศักดิ์ จะทราบดีว่าเค้าเอง ก็มีอาการป่วย และผิดปกติไปจากเดิม เนื่องจากได้รับผลกระทบ
จากการชกมวยอย่างหนักหน่วง แต่นั้นไม่ได้หมายความว่า จะทำให้เค้าท้อถอย แต่ยังยอมเดินหน้าขึ้นชก กระทั่งต้องเสียแชมป์โลก ในการป้องกันตำแหน่งครั้งที่ 8 ของสมัยที่ 2 กับ คิม ซาง ฮัน นักมวยชาวเกาหลีใต้ เมื่อปลายปี พ.ศ. 2521 ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ถิ่นของผู้ท้าชิงเอง
ขวัญใจของแฟนมวยชาวไทย ซุปเปอร์สตาร์ระดับประเทศ ฉายา “ซ้ายสีชมพู”
“แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์” มีชื่อที่แฟนมวยรู้จักว่า “ไอ้แสบ” และมีฉายาว่า “ซ้ายสีชมพู” ซึ่งเป็นการตั้งโดย เทียมบุญ อินทรบุตร โปรโมเตอร์ประจำของ แสนศักดิ์ แต่เดิมมีฉายาว่า ซ้ายทะลายโลก แสนศักดิ์ เป็นคนมีบุคลิกเฮฮา มีสีสัน ช่วงที่แสนศักดิ์เป็นแชมป์โลก
นับได้ว่าเขานั้นเป็น ซุปเปอร์สตาร์ชื่อดังคนหนึ่ง ไม่ต่างอะไรกับ พระเอกภาพยนตร์เลยทีเดียว เพราะไม่ว่าเขาจะทำอะไร หรือไปป้องกันตำแหน่งที่ไหน นักข่าวที่โดยเฉพาะ หนังสือพิมพ์จะต้อง ตามไปทำข่าวถึงที่นั่น เล่ากันว่าถึงขนาด จับเครื่องบินกลับกรุงเทพ ส่งต้นฉบับแทบไม่ทันเลยทีเดียว เรื่องนี้เป็นที่รู้กันดี
ในหมู่นักข่าวร่วมสมัย และถึงขนาดที่ “เพลิน พรหมแดน” นักร้องเพลงลูกทุ่งชื่อดัง เคยทำเพลงพูดล้อเลียน เกี่ยวกับแสนศักดิ์ชื่อว่า “ศึกไอ้แสบ” และการที่เป็นคนเฮฮาแบบนี้ ทำให้แสนศักดิ์ ได้ภรรยาคนแรกในชีวิตคือ “ปริม ประภาพร” ดาราสาวชื่อดังในสมัยนั้น และมีลูกชายที่เกิด กับภรรยาคนนี้คือ “เกรียงศักดิ์ มั่นศรี” ซึ่งแสนศักดิ์เป็นคนตั้งเอง ให้ตรงกับชื่อนายกรัฐมนตรี ในสมัยนั้นคือ (พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์) และมีชื่อเล่นว่า “คิง”
ขึ้นชกครั้งสุดท้าย ก่อนแขวนนวมโบกมือลาวงการ และการจากไปของตำนานคนนี้ “แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์”
หลังจากที่ “ไอ้แสบ แสนศักดิ์” ตัดสินใจแขวนนวม เพราะสภาพร่างกาย ที่ไม่แข็งแกร่งเหมือนเดิม และมีปัญหาด้านสายตาอีก อันเนื่องจากบอบช้ำ จากการชกมวย ไอ้แสบ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ลำบาก เพราะนับหลังจากที่ เสียแชมป์โลกครั้งสุดท้ายไปแล้ว เงินทองที่เคยมีอยู่นับ 10 ล้าน ที่เคยเก็บหอมรอบริบ
จากการชกมวยก็ร่อยหรอ ผู้จัดการที่ปลุกปั้นมา คือ สนอง รักวานิช ก็เสียชีวิตลง กลุ่มผู้สนับสนุนก็ทยอยๆจากไป ไม่หนำซ้ำยังโดนหลอก จากเพื่อนฝูงและคนรู้จัก รวมถึงคนในวงการมวยด้วย การชกครั้งสุดท้าย ของแสนศักดิ์ ซึ่งเป็นขึ้นชิงแชมป์ในรุ่นเวลเตอร์เวท
ของสหพันธ์มวยภาคตะวันออกไกลและแปซิฟิก (OPBF) เจ้าตัวถึงขนาดลงทุน เป็นโปรโมเตอร์เอง แต่ก็ขาดทุนอีก อีกทั้งยังเป็นฝ่าย แพ้คะแนนอีกด้วย จนในที่สุดสายตาข้างขวา ที่มีปัญหาของแสนศักดิ์ก็บอดสนิท ส่วนตาข้างซ้าย ได้รับการผ่าตัดจนมองเห็นได้
แต่สุดท้าย แสนศักดิ์ ได้เสียชีวิตลงในวันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2552 เวลา 15.00 น. ที่โรงพยาบาลราชวิถี ด้วยอาการลำไส้ฉีกขาด เนื่องจากเป็นหลายโรครุมเร้าด้วยกัน โดยแสนศักดิ์เข้ารักษาตัว ตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน ได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น จนเสียชีวิตในที่สุด ด้วยวัย 57 ปี และมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ ที่วัดตรีทศเทพ เมื่อวันที่ 20 เมษายนใน ปีเดียวกัน
และในจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้สร้างอนุสรณ์ “ไอ้แสบ” แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ ไว้ที่หมู่บ้าน ต.สะเดียง อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ โดยมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2561 เพื่อให้ประชาชนได้ระลึกถึง บุญส่ง มั่นศรี หรือ “ไอ้แสบ” แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ อดีตแชมเปี้ยนโลกชาวไทยคนที่ 5 ผู้ล่วงลับ
ข่าวสารเพิ่มเติม : สุดสาคร ส.กลิ่นมี โหลดเกมส์ แทงบอลโลก